ผมอยากเริ่มต้นบทความ จากคำบอกเล่าของลูกค้าท่านหนึ่ง
"แบตเตอรี่ไฟหมด รถดับกลางสี่แยก กว่าจะเข็นมาถึงร้าน แทบตาย " ด้วยสีหน้าแสดงความเหน็ดเหนื่อย "ดีนะ ที่เมียผม มันไม่นั่งมาด้วย"(ยังคิดว่าตัวเองโชคดี)จากการตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่ ปรากฎว่า น้ำกลั่นแห้งสนิท แผ่นธาตุเกิดซัลเฟชั่น (Sulfation ) จนเป็นคราบขาว ดูสติ๊กเกอร์แล้วใช้มา 2 ปี เลยจัดการเปลี่ยนลูกใหม่ จากปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม เก็บไฟไม่อยู่ อาจมาจากหลายสาเหตุ ปัญหาจากโรงงานอาจจะมีเปอร์เซนต์น้อยมาก นอกจากเกิดจากการเคลื่อนย้าย การขนส่งไม่ระวัง เพราะการผลิตมีการตรวจสอบคุณภาพ ตามมาตรฐานโรงงาน ปัญหาส่วนใหญ่มาจาก การใช้งาน แบตเตอรี่ขาดการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี อันเป็นสาเหตุทำให้แบตเสื่อม อำลาจากก่อนเวลาอันควร
แบตเตอรีเมื่อใช้งานไปนานกว่า 1.5-2 ปีขึ้นไป สังเกตมีอาการก็ควรตัดสินใจเปลี่ยน ดีกว่าไปหมดกลางทาง แต่ถ้ามีสาเหตุเพราะว่า ยามค่ำคืนหลบเมียไปเที่ยว เมาขับรถฝ่าด่านกลับ แล้วขังเมียไว้ในบ้าน (เข้าบ้านไม่ได้)ตัวเองนอนหลับคาพวงมาลัย หรือเปิดสวิทซ์รถทิ้งไว้ เปิดแอร์ เปิดไฟจนสว่าง อย่างนี้ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเช้านี้สตาร์ทรถไม่ติด ถอดแบตเตอรี่ไปให้ร้านแบตฯอัดเมียเอ๊ยอัดไฟให้ใหม่ เป็นใช้ได้ บางคนก็เปลี่ยนใจไปใช้แบตเตอรี่แห้ง (FM Battery) ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องพึ่งน้ำกลั่น ใช้นานจนลืม แพงกว่าแบตน้ำนิดหน่อย ใช้แล้วคุ้ม (ความคิดเห็นส่วนตัว)
สุดท้ายนี้อยากจะแนะนำทุกท่านควรหมั่นดูแลแบตเตอรี่รถของท่าน โดยเฉพาะระดับน้ำกลั่นอย่าให้ต่ำกว่าเส้น LOWER LEVEL ดูจากเส้นข้างแบตเตอรี่ หรือเปิดจุกส่องดูเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับขารู ขันขั้วให้แน่น สังเกตุขั้วถ้าเกิดคราบขี้เกลือ ควรขัดหรือใช้น้ำอุ่นทำความสะอาดคราบสกปรกออกให้หมด ป้ายวาสลินที่ขั้ว หรือสวมแหวนกันขี้เกลือ เพื่อไม่ให้เกิดซัลเฟต กระแสไฟฟ้าเดินได้สะดวกขึ้น จะได้ไม่เ็กิดเหตุการณ์ "แบตเตอรี่ไฟหมด รถดับกลางสี่แยก อีกต่อไป"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น